บทที่ ๑๔ จีนเชิงแส......๐๐๐๐๐๐๐..............................................................................................................................................................................................+++++++++++
บ้านเชิงแสเป็นชุมชนโบราณมานานกว่า ๔๐๐ ปี แล้ว คำว่า "เชิงแส" มาจากภาษาขอมดั้งเดิม ในสมัยอยุธยาเขียนโดยใช้อักขระว่า "บารเชิงแสะ" อ่านว่า " บ้านเชิงแส ". ซึ่งแปลว่า "นาส่วนข้างล่าง" หรือ "บ้านปลายนา" ...เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว...ชาวจีนมาอยู่ที่เชิงแสเมื่อใด?............๐๐๐๐๐๐๐๐..............................................................................................................................................................................................++++++++++
บทนี้ผมจะกล่าวถึง "จีนเชิงแส" ซึ่งกลุ่มชาวจีนโพ้นทะเลเหล่านี้ เป็นบรรพบุรุษของชาวเชิงแสในปัจจุบันนับแล้วได้เป็นพันๆคน. จีนคนแรกเดินทางมาถึงเชิงแสในช่วงปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ . ต่อมาได้มีชาวจีนเดินทางมาตั้งบ้านเรือนที่เชิงแสอย่างต่อเนื่อง. คนจีนที่มาอยู่ที่เชิงแสนั้น ไม่ได้มุ่งตรงมาเลยทีเดียว ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางช่วงที่ ๒ คือ ได้มาอยู่ที่ตำบลอื่นก่อน แล้วต่อมาจึงมาอยู่ที่เชิงแส. ยกตัวอย่าง เช่น "จีนซุนเฮาะ" ทวดของผม เดินทางมาเมืองไทยพร้อมกับน้องชายคนหนึ่ง ชื่อว่า "จีนผ้อง". เมื่อมาถึงแผ่นดินไทย จีนซุนเฮาะและจีนผ้องสองพี่น้องได้พักอาศัยอยู่ที่ตำบลระวะก่อน แล้วเฉพาะจีนซุนเฮาะผู้พี่ จึงเดินทางต่อมาที่บ้านเชิงแส. ซึ่งขณะนั้นได้มีคนจีนอาศัยอยู่บ้างแล้ว เช่น เตี่ยของแปะล่อง บ้านตั้งอยู่ใกล้วัดเอก , ....+++...ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ต่อเนื่องถึงรัชมัยต่อมา มีชาวจีนมาอาศัยอยู่ที่เชิงแส ดังนี้...... "ก๋งเซ่งคุ่น" , "ก๋งยี่เซ่ง" , "ก๋งซุนเฮาะ" , "ก๋งจิ้ว" , "ก๋งเม้งกี่ แซ่ออง" , "ก๋งเอี่ยม" , "ก๋งสุย" , "ก๋งหลีย่อง" , "ก๋งกู้เซ่ง" , "ก๋งฉาวเท่า" , "ก๋งกี่เตียง" , "ก๋งกี่โถ" , "ก๋งกี่เท่า" , "ก๋งนอง" , "ก๋งโหย แซ่อุ่ย" ...นอกจากนั้นยังมีคนจีนที่ผมไม่ทราบชื่อแต่ทราบสายสกุลลูกหลาน เช่น ทวดของน้าแอบ ชัยเชื้อ ก็เป็นคนจีน. ต้นสกุลนิลวงศ์พ่อของกำนันฉิ้น ก็เป็นคนจีน . ศพคนจีนซึ่งตั้งอยู่ที่เนินดินนาของลุงอิ่มป้าเป้า ก็เป็นจีนแน่นอน. ชาวจีนเชิงแสจึงมีอยู่มาก มากมานานแล้ว ทำให้เข้าใจผิดไปว่าชื่อบ้านของแม่มาจากคำว่า ซินแส ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย... เชิงแส ไม่ได้มาจาก ซินแส แต่อย่างใดทั้งสิ้น...........๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐................................................................................................................................................................................+++++++
ขณะนี้ผมได้เตรียมที่ดินได้แปลงหนึ่งเนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ ตั้งอยู่ที่สวนตีนที่ "หนองไอ้เสือ" ใกล้กับเลียบหัวโจรซึ่งเป็นที่ฝังศพก๋งของผม ผมตั้งใจว่าในชีวิตของผม ผมจะสร้าง "สุสานจีนเชิงแส" ขึ้นให้ได้ . ,ผมขอเล่าประวัติที่ดินแปลงนี้เพื่อเป็นเกียรติและระลึกถึงพระคุณของเจ้าของที่ดินเดิม. ที่ดินแปลงนี้เดิมเป็นของ "ทวดขวัญแก้ว" ทวดชายท่านนี้มีที่ดินอยู่พอสมควร แต่ทวดไม่มีบุตร ครั้นชราเจ็บป่วยลง ได้มีบุคคลสองคนไปช่วยดูแลปรนนิบัติ บุคคลทั้งสองนั้น คือ "ก๋งผอม" ลูกชายของก๋งซุนเฮาะ กับ "คุณตายน" ทวดขวัญแก้วจึงยกที่ดินประมาณ ๔ ไร่ให่ก๋งผอมและคุณตายนได้แบ่งกัน ... เมื่อก๋งซุนเฮาะเสีย ก๋งผอมจึงใช้ดินส่วนที่ได้แบ่งมานี้เป็นที่ฝังศพก๋งซุนเฮาะซึ่งเป็นบิดา...............................๐๐๐๐๐๐๐๐...............................................................................................................................................................................................+++++++
คนจีนรุ่นแรกๆ ที่มาอยู่ในบ้านเชิงแสได้สืบทอดธรรมเนียมประเพณีและวิถีชีวิตของชาวจีนโพ้นทะเลไว้ที่เชิงแสหลายอย่าง. เช่น ภาษา , อาหาร , ประเพณีไหว้บรรพบุรุษ , เมื่อได้มาตั้งรากฐานที่แผ่นดินใหม่แล้ว ชาวจีนเหล่านี้ได้แต่งงานกับคนไทยสืบเชื้อสายเผ่าพันธ์ุเป็นคนไทยเชื้อสายจีน บุคคลสำคัญแห่งบ้่านเชิงแสที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนท่านแรกที่ผมจะเล่าถึง คือ ..." พระราชปริยัติโกศล ( เสถียร ฉันทโก ป.ธ. ๙ ) " เจ้าอาวาสวัดใหม่พิเรนทร์ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ......๐๐๐๐๐๐๐๐๐.............................................................................................................................................................................................+++++++++
ท่านเจ้าคุณเสถียรเล่าให้ผมฟังว่า " เราเป็นคนบ้านเชิงแส เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐ มีโยมก๋งสุยเป็นปู่ และก็มีโยมเตี่ยจูห้องเป็นพ่อ. เรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดเชิงแสของพระอาจารย์เมฆ เมื่อครบบวชแล้วท่านเป็นพระอุปปัชฌาย์บวชให้. บวชแล้วได้มาพักที่วัดกลางกับพระอาจารย์เขียว......+++